ชื่อผู้ใช้ : รหัสผ่าน : จำรหัสผ่าน สมัครสมาชิก ลืมรหัสผ่าน?

รับตอกเสาเข็มไมโคไพรในเขตกรุงเทพฯและปริมนฑล โทร 085-6120657

หมวดกระทู้ :ทั่วไป
รับตอกเสาเข็มไมโคไพร(ในพื้นที่จำกัด)ในเขตกรุงเทพฯและปริมนฑล โทร 085-6120657
????ด้วยเข็มไอ18 ไอ22 กลม20และกลมกลวง25
????ตอกลึก18-20เมตรหรือถึงดินดาน
????เช็คโบว์เค้า
????สามารถตอกได้ชิดตัวบ้านงานไม่เลอะ 
????แรงสัานสะเทือนน้อย 
????ไม่มีผลข้างเคียงต่อบ้านข้าง
????รับน้ำหนักได้20-30ตันต่อต้น หมดปันหาการทรุดตัวของบ้าน
 
สนใจช่างซ่อมแซ่มและต่อเติมติดต่อได้ที่
เบอร์โทร 085-6120657    ( ช่างโก้ )
LINE 0856120657
http://carehome.lnwshop.com/
[img]https://cp.lnwfile.com/_/cp/_raw/fk/hv/0y.jpg[/img]
 
สร้างบ้านไม่ตอกเสาเข็มได้หรือไม่
  เวลาเราจะสร้างบ้านก็ต้องตอก “เสาเข็ม” เพื่อรับน้ำหนักบ้านทั้งหลังไว้ ไม่ให้ทรุดตัวลงไปในอนาคต เเต่ก็มีคำถามขึ้นมาว่าเห็นบ้านจัดสรรในโครงการเเห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัด 
ไม่ได้ตอกเสาเข็มก่อนทำฐานราก ก็เลยเกิดข้อสงสัยว่าจำเป็นจะต้องเสาเข็มหรือไม่?
คำตอบก็คือ… “ได้ค่ะ” ถ้าสภาพบริเวณที่จะสร้างบ้านเป็นชั้นดินเเข็งมาก (ชาวบ้านอาจะเรียกว่าดินดาน) หรืออาจมีชั้นหินแข็งอยู่ใต้ผิวดินลงไป ซึ่งสภาพดินดังกล่าวส่วนมากเป็นที่ภาคเหนือ
 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคตะวันตก รวมถึงภาคใต้ เนื่องจากพื้นที่มีภูเขาหรือเป็นที่ราบสูงจากการยกตัวของแผ่นดิน (อีสาน) ยกเว้นภาคกลางและภาคตะวันออกบางพื้นที่ที่สภาพชั้นดินเป็นดินตะกอนปากอ่าวทับถมเป็นชั้นๆ
เเต่ก็ไม่ได้ความว่าโครงสร้างทุกประเภทที่มีชั้นดินเเข็งไม่ต้องตอกเสาเข็มนะคะ เพราะต้องสำรวจชั้นดินที่ก่อสร้างก่อนว่าเป็นอย่างไร วิศวกรจึงจะออกแบบฐานรากได้ว่าต้องตอกเสาเข็มหรือไม่ 
ทีนี้เรามาขยายความเรื่องการรับน้ำหนักของเสาเข็มกันเพิ่มดีกว่าค่ะ
 
        การรับน้ำหนักของเสาเข็มมี 2 ลักษณะ คือ 
1.การรับน้ำหนักด้วยแรงเสียดทานที่ผิวสัมผัสของเสาเข็มกับดิน 
2.การรับน้ำหนักด้วยแรงกดลงถ่ายลงในชั้นดินแข็งหรือชั้นหิน
ตัวอย่างของบ้านทั่วไปในเขตกรุงเทพฯ วิศวกรจะคำนวณออกแบบให้เสาเข็มรับน้ำหนักด้วยแรงเสียดทาน ซึ่งความยาวเสาเข็มจะประมาณ 12-21 เมตรเป็นส่วนมาก 
ยกเว้นอาคารขนาดใหญ่จะต้องออกแบบให้รับน้ำหนักด้วยแรงกดที่ชั้นดินแข็งที่ความลึกอาจถึงประมาณ 50 เมตร
กรณีที่ไม่ใช้เสาเข็มก็จะเป็นการออกแบบให้ถ่ายน้ำหนักลงบนชั้นดินแข็ง ซึ่งวิศวกรต้องทราบว่าชั้นดินแข็งบริเวณดังกล่าวรับน้ำหนักได้เท่าไร 
สมมติรับน้ำหนักได้ 10 ตันต่อตารางเมตร และน้ำหนักที่คำนวณได้ลงที่จุดนั้นเท่ากับ 20 ตัน ก็ต้องออกแบบฐานราก (เรียกว่าฐานรากแผ่) ให้พื้นที่สัมผัสดินเท่ากับ 2  ตารางเมตร ซึ่งจะรับน้ำหนักได้ 2x10 = 20 ตัน ตามการออกแบบ
ตัวอย่างของการกระจายน้ำหนักโดยการเพิ่มพื้นที่ผิวสัมผัสที่เห็นได้ชัด ก็คือการแสดงมายากลด้วยการนอนบนเตียงตะปู ซึ่งหลักการก็คือการกระจายน้ำหนักกดลงบนตะปูจำนวนมากนั่นเอง
นอกจากนั้นก็มีเรื่องการวางถังเก็บน้ำ แนะนำว่าถ้าบ้านมีพื้นที่พอให้วางบนดินจะดีกว่า เนื่องจากหากฝังถังไว้ใต้ดินเมื่อใช้ไประยะเวลาหนึ่งก็อาจะมีการทรุดตัวของถัง 
ทำให้ระบบท่อที่ต่ออาจขาดได้ และซ่อมได้ยากกว่าการวางบนดิน หรือถ้าถังน้ำใต้ดินเกิดแตกร้าวรั่วซึมน้ำภายนอกอาจซึมเข้าถังเก็บได้ และกลายเป็นปัญหาได้เช่นกัน
[img]https://img.kapook.com/u/2015/pree/pet5/a2_9.jpg[/img]
ความรู้เรื่องเสาเข็ม
เพราะ เสาเข็ม เป็นหลักสำคัญของการสร้างบ้าน แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักมันจริง ๆ วันนี้เลยขอนำข้อมูลเกี่ยวกับ เสาเข็ม มาเล่าใหม่ตั้งแต่หน้าที่ความสำคัญกันเลย 
เสาเข็ม เป็นส่วนที่ถือว่าสำคัญที่สุดของอาคาร ทำหน้าที่ในการค้ำยันอาคาร ถ่ายน้ำหนักของตัวบ้านลงสู่พื้นดิน ลักษณะของการรับน้ำหนักเสาเข็มมีด้วยกัน 2 ประเภท คือ การรับน้ำหนักจากตัวเสาเข็ม และการรับน้ำหนักจากชั้นดิน ซึ่งการรับน้ำหนักจากชั้นดินเป็นการใช้แรงเสียดทานของดินในการรับน้ำหนัก (Skin Friction) 
ร่วมกับการใช้ปลายของเสาเข็มในการรับแรงกดดันของดิน (End Bearing) โดยลักษณะของการตอกเสาเข็มเราจะตอกลงไปถึงชั้นทราย เนื่องจากเป็นชั้นที่สามารถรับน้ำหนักได้ดีที่สุด ถ้าหากตอกไม่ถึงชั้นทรายในระยะยาวจะทำให้อาคารทรุดได้ แต่ละจังหวัดก็จะมีความลึกของชั้นทรายไม่เท่ากัน อีกทั้งระยะห่างของเสาเข็มสำคัญเช่นกัน 
ปกติแล้วต้องมีระยะห่างอย่างน้อย 3 เท่าของขนาดความกว้างเสาเข็ม เพื่อไม่ให้แรงระหว่างดินกับเสาเข็มถูกรบกวน เสาเข็มมีด้วยกันหลายประเภทขึ้นอยู่กับลักษณะของงานที่นำไปใช้ประเภทของเสาเข็ม
1. เสาเข็มตอก 
มีทั้งเสาไม้ เสาเหล็ก และเสาคอนกรีต ส่วนมากจะนิยมใช้เสาเข็มคอนกรีต เนื่องจากราคาถูกกว่าเสาเหล็กและแข็งแรงกว่าเสาไม้ สำหรับเสาคอนกรีตแบ่งย่อยได้ 2 ชนิด ได้แก่ เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก และเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรง เสาคอนกรีตอัดแรงจะเป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะหน้าตัดเล็กกว่าทำให้เวลานำไปตอกจะส่งผลกระทบต่ออาคารข้างเคียงน้อยกว่า 
เสาเข็มตอกมีด้วยกันหลายรูปแบบ ทั้งแบบสี่เหลี่ยม แบบกลม แบบตัว I และแบบตัว T เป็นต้น เสาเข็มตอกสามารถรับน้ำหนักปลอดภัยได้ราว ๆ 10-120 ตันต่อต้น
วิธีการตอกเสาเข็ม 
ต้องใช้ปั้นจั่นในการตอกลงไปในดิน โดยช่วงสุดท้ายซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการตอกเสาเข็ม จะต้องมีการตรวจสอบการตอก 10 ครั้งสุดท้าย (Last Ten Blow) เข็มที่ตอกมีการทรุดตัวกว่าค่าที่กำหนดไว้หรือไม่ ถ้าหากทรุดตัวมากเกินกว่าค่าที่กำหนดไว้แสดงว่ายังไม่สามารถรับน้ำหนักได้ดีพอ
2. เสาเข็มเจาะระบบแห้ง 
เป็นเสาเข็มที่เข้ามาแก้ปัญหาเสาเข็มแบบตอกซึ่งไม่สะดวกสำหรับการขนย้าย ให้สามารถทำงานในสถานที่แคบ ๆ เสาเข็มเจาะระบบแห้งเป็นการทำเสาเข็มแบบหล่อในที่ มีรูปร่างหน้าตาเป็นวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40-60 เซนติเมตร สามารถรับน้ำหนักปลอดภัยได้ราว ๆ 25-60 ตันต่อต้น ความยาวประมาณ 20–30 เมตร
วิธีการทำเสาเข็มเจาะแบบแห้ง 
สามารถเจาะโดยใช้ขาตั้ง 3 ขา แล้วใช้ลูกตุ้มเหล็กหรือกระบะตักดินกระแทกลงไปในดินลึกประมาณ 1 เมตร หลังจากนั้นนำปลอกเหล็กตอกลงไปในหลุมเจาะ โดยปกติจะลงไปลึกประมาณ 12-14 เมตร ซึ่งระดับความลึกระดับนี้จะเป็นชั้นดินเหนียวอ่อน หลังจากนั้นทำการเจาะดินโดยทิ้งกระบะตักดินลงไปในปลอกเหล็ก แล้วตักขึ้นมาทิ้งบริเวณปากหลุม 
การเจาะดินจะทำการเจาะไปถึงชั้นทรายแล้วจึงหยุดเจาะ เนื่องจากชั้นทรายจะมีน้ำไหลซึมออกมาตลอดซึ่งจะทำให้ก้นหลุมพัง หลังจากนั้นใส่เหล็กเสริมลงไปในปลอกเหล็ก แล้วเทคอนกรีตลงไปในปลอกเหล็ก หลังจากเทเสร็จให้รีบดึงปลอกเหล็กขึ้นทันที
 
สนใจช่างซ่อมแซ่มและต่อเติมติดต่อได้ที่
เบอร์โทร 085-6120657    ( ช่างโก้ )
LINE 0856120657
http://carehome.lnwshop.com/
[img]https://img.kapook.com/u/2015/pree/pet5/a_4.jpg[/img]
 
โพสโดย : KOKO
tag:
วันที่โพส : 25 กรกฏาคม 2562
Email : Chulabook0109@gmail.com
[ แจ้งลบ ]

แสดงความคิดเห็นของคุณ

1
ชื่อผู้ตอบ: *
อีเมล์ : *
กรุณาใส่รหัสตามรูปที่เห็น *

ความคิดเห็นทั้งหมด